วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หน่วยที่ 8 การค้นหาจ้อมูลบนอินเทอร์เน็ต (Search Engine)

แนวคิด
                ในการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต  จะทำให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลจากหลากหลายแหล่งมากกว่าการค้น หาข้อมูลจากภายในห้องสมุด  โดยแบ่งประเภทในการค้นหาข้อมูลที่แตกต่างกัน  เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกประเภทและรูปแบบของการค้นหาข้อมูลได้  ซึ่งผู้ใช้ต้องศึกษารูปแบบต่าง ๆ ของการค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ที่ให้บริการจะทำให้สามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตรงกับความต้องการมากที่สุด

สาระการเรียนรู้
1. ประเภทของการค้นหาข้อมูล
1.1 Search Engine  การค้นหาข้อมูลด้วยคำที่เจาะจง
1.2 Search Directories การค้นหาข้อมูลตามหมวดหมู่
1.3 Metasearch  การค้นหาข้อมูลจากหลายแหล่งข้อมูล
2. การค้นหาโดยใช้  Search Engine
2.1 การระบุคำเพื่อใช้ในการค้นหา
2.2 การค้นหาจากหมวดหมู่  หรือไดเร็กทอรี (Directories)
2.3 เทคนิคในการค้นหาข้อมูล

ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1. อธิบายความหมายของเครื่องจักรค้นหาได้
2. บอกประเภทของการค้นหาข้อมูลได้
3. จำแนกเว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลแต่ละประเภทได้
4. บอกวิธีการค้นหาข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ ได้
5. อธิบายเทคนิคในการค้นหาข้อมูลรูปแบบต่าง ๆ ได้


ประเภทของการค้นหาข้อมูล
การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต  สามารถแบ่งตามลักษณะการทำงานได้  3  ประเภท  คือ

Search Engine การค้นหาข้อมูลด้วยคำที่เจาะจง
                Search Engine เป็นเว็บไซต์ที่ช่วยในการค้นหาข้อมูลโดยใช้โปรแกรมช่วยในการค้นหาที่เรียกว่า “Robot” ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ตมาเก็บไว้ในฐานข้อมูลซึ่งการค้นหาข้อมูลรูปแบบนี้จะช่วยให้สามารถค้นหาข้อมูลได้ตรงกับความต้องการ  เพราะได้ระบุคำที่เจาะจงลงไป  เพื่อให้ Robot  เป็นตัวช่วยในการค้นหาข้อมูล  ซึ่งเป็นรูปแบบที่เป็นที่นิยมมาก  เช่น  www.google.co.th

Search Directories การค้นหาข้อมูลตามหมวดหมู่
                การค้นหาข้อมูลตามหมวดหมู่โดยมีเว็บไซต์ที่เป็นตัวกลางในการรวบรวมข้อมูลในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต  โดยจัดเก็บข้อมูลเป็นหมวดหมู่เพื่อให้ผู่ใช้สามารถเลือกข้อมูลตามที่ต้องการได้  โดยการจัดหมวดหมู่ของข้อมูลจะจัดการข้อมูลที่คล้ายกัน  หรือเป็นประเภทเดียวกัน  นำมารวบรวมไว้ในกลุ่มเดียวกัน
                ลักษณะการค้นหาข้อมูลแบบ Search Directories จะทำให้ผู้ใช้สะดวกในการเลือกข้อมูลที่ต้องการค้นหา  และทำให้ได้ข้อมูลตรงกับความต้องการ
                การค้นหาวิธีนี้มีข้อดีคือ  สามารถเลือกจากชื่อไดเร็กทอรีที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ต้องการค้นหาและสามารถเลือกที่จะเข้าไปดูว่ามีเว็บไซต์ใดบ้างได้ทันที เช่น www.sanook.com

Metaseaech การค้นหาจ้อมูลจากหลายแหล่งข้อมูล
                เป็นลักษณะของการค้นหาข้อมูลจากหลาย ๆ Search Engine ในเวลาเดียวกัน  เพราะเป็นเว็บไซต์ที่เป็น Metasearch จะไม่มีฐานข้อมูลของตนเอง  แต่จะค้นหาเว็บเพจที่ต้องการโดยวิธีการดึงจากฐานข้อมูลของ Search Site จากหลาย ๆ แห่งมาใช้  แล้วจะแสดงผลให้เลือกตามต้องการ  เช่น  http://www.thaifind.com/

การค้นหาโดยใช้ Search Engine
                การใช้วิธีการค้นหาข้อมูลบนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต  สามารถแบ่งรูปแบบในการค้นหาออกเป็น  2  ลักษณะ  คือ
1. การระบุคำเพื่อใช้ในการค้นหา  หรือที่เรียกว่า คีย์เวิร์ด” (Keyword)
2. การค้นหาจากหมวดหมู่  หรือไดเร็กทอรี (Directories)
การระบุคำเพื่อใช้ในการค้นหา
                วิธีการค้นหาข้อมูลในลักษณะนี้ก็คือ  การระบุคำที่ต้องการค้นหา  หรือที่เรียกว่า คีย์เวิร์ด โดยในเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลจะมีช่องเพื่อให้กรอกคำที่ต้องการค้นหาลงไป  แล้วจะนำคำดังกล่าวไปค้นหาจากข้อมูลที่ได้จัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลของระบบ

วิธีการค้นหาข้อมูลแบบระบุคำที่ต้องการค้นหา  หรือคีย์เวิร์ด
                โดยจะเลือกเว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลที่เรามักจะเรียกว่า เว็บไซต์สำหรับ Search Engines”  ซึ่งมีเว็บไซต์ต่าง ๆ หลายเว็บไซต์ที่ให้บริการด้านนี้  เช่น  www.google.com  การใช้คีย์เวิร์ดในการค้นหาข้อมูล  เราจะต้องพยายามระบุคำให้ชัดเจนเพื่อจะสามารถให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ  หรือใกล้เคียงกับสิ่งที่เราต้องการให้มากที่สุด

วิธีปฏิบัติในการค้นหาข้อมูลแบบคีย์เวิร์ด  สามารถทำได้ดังต่อไปนี้  คือ
1. พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ที่เป็น Search Engine ในช่อง Address เช่น www.google.com
2. กรอกคำที่ต้องการค้นหาในช่องที่เว็บไซต์ได้กำหนดไว้
3. เว็บไซต์จะค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่มีคำที่เหมือนกับคำที่เราได้กรอกไว้ในช่องที่ต้องการค้นหาข้อมูล
4. คลิกเลือกเว็บไซต์ที่ต้องการ  เข้าไปค้อนหารายละเอียดของข้อมูลต่อไป  ดังตัวอย่าง  เมื่อคลิกเลือกการศึกษา Education แล้วจะแสดงเว็บไซต์ของหัวข้อเรื่องดังกล่าวออกมา

การค้นหาจากหมวดหมู่  หรือไดเร็กทอรี (Directories)
                การให้บริการค้นหาข้อมูลด้วยวิธีนี้เปรียบเสมือนเราเปิดเข้าไปในห้องสมุด  ซึ่งได้จัดหมวดหมู่ของหนังสือไว้แล้ว  และเราก็ได้เดินไปยังหมวดหมู่หนังสือที่ต้องการ  ซึ่งภายในหมวดใหญ่นั้น ๆ ยังประกอบด้วยหมวดหมู่ย่อย ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น  หรือแบ่งประเภทของข้อมูลให้ชัดเจน  เราก็สามารถเข้าไปหยิบหนังสือเล่มที่ต้องการได้  แล้วก็เปิดเข้าไปอ่านเนื้อหาข้างในหนังสือเล่มนั้น ๆ วิธีนี้จะช่วยให้ค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น  มีเว็บไซต์มากมายที่ให้บริการการค้นหาข้อมูลในรูปแบบนี้  เช่น
วิธีปฏิบัติในการค้นหาข้อมูลแบบไดเร็กทอรี  สามารถทำได้ดังต่อไปนี้  คือ
1. พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ที่เป็น Search Engine ในช่อง Address เช่น http://www.sanook.com/
2. เลือกหัวข้อเรื่องที่ต้องการค้นหาข้อมูล  เช่น  การศึกษา  จะแบ่งเป็นหัวข้อย่อย  ดังนี้  โรงเรียน, สถาบันอุดมศึกษา, สถาบันกวดวิชาและสอนพิเศษ, แนะแนวการศึกษา
3. เมื่อคลิกที่หัวเรื่องย่อยที่ต้องการ  เช่น  สถาบันอุดมศึกษา
4. จะปรากฏหัวข้อเรื่องย่อยของสถาบันอุดมศึกษา  ดังนี้
5. นอกจากแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยของข้อมูลแล้วก็ยังมีการเชื่อโยงข้อมูลไปยังเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้ได้เลือกค้นหาข้อมูลอีกมากมาย 

เทคนิคในการค้นคว้าข้อมูล
1. การใช้รักษา  การค้นหาข้อมูลแบบคีย์เวิร์ด  สามารถค้นหาได้ทั้งภาษาไทย  และภาษาอังกฤษ  ซึ่งมีรูปแบบของภาษาไทยนั้นจะเป็นการเขียนประโยคที่ต่อเนื่อง  เช่น  ขนมไทย  ศิลปวัฒนธรรมไทย  สมุนไพรไทย  เป็นต้น  แต่การค้นหาด้วยคำภาษาอังกฤษ  จะแตกต่างจากภาษาไทย  คือภาษาอังกฤษจะเป็นการแบ่งวรรคของคำ  เช่น  Thai food  ซึ่งถ้าพิมพ์คำนี้แล้ว  ผลลัพธ์ที่ได้คือ  จะแสดงเว็บไซต์ที่มีคำว่า Thai หรือ Food  หรือ Thai food  เป็นข้อความเดียวกัน  ต้องพิมพ์คำดังกล่าวไว้ในเครื่องหมายคำพูด (  ) เช่น  “Thai food” ซึ่งแปลว่าอาหารไทย  เมื่อให้เว็บไซต์ค้นหาข้อมูลให้ก็จะแสดงเฉพาะเว็บไซต์ที่มีคำว่า “Thai food” เท่านั้น  ซึ่งจะทำให้ข้อมูลที่ต้องการแคบลง  ช่วยให้เราสามารถหาผลลัพธ์ที่ต้องการได้เร็วขึ้น
2. ควรบีบประเด็นให้แคบลง  หรือใช้คำให้ชัดเจน  ตรงประเด็นที่ต้องการผลลัพธ์ให้มากที่สุด  เพราะข้อมูลบนเครือข่ายบนอินเทอร์เน็ตมีอยู่มากมาย  ถ้าเราสามารถระบุคำที่ชัดเจนและตรงประเด็นแล้ว  จะเป็นการกรองข้อมูลให้กับเราได้  ทำให้เราได้รับข้อมูลที่ตรงกับความต้องการชัดเจน  และสามารถหาข้อมูลให้กับเราได้  ทำให้เราได้รับข้อมูลที่ตรงกับความต้องการชัดเจน  และสามารถหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว  เช่น  ถ้าต้องการค้นหาข้อมูลของอาหารไทยเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น  ควรที่จะกำหนดข้อความในการค้นหา  คือ  “Thai food in Thailand” จะเป็นการกรองข้อมูลให้เราได้ประเด็นที่แคบลง
3. การใช้คำที่มีความหมายเหมือนกัน  คำในภาษาอังกฤษมีหลาย ๆ คำที่มีความหมายเหมือนกัน เช่น  world และ earth  แปลว่า โลกถ้าต้องการหาคำว่า world แล้วผลลัพธ์ที่ได้ไม่สามารถหาข้อมูลของคำนี้ได้  เราควรลองเปลี่ยนเป็นคำอื่นที่มีความหมายเหมือนกัน
4.  การใช้โอเปอเรเตอร์ หรือบูลีน  เมื่อต้องการเจาะจงในการค้นหาข้อมูล  ก็สามารถที่จะนำโอเปอเรเตอร์  หรือบูลีน  มาเป็นเครื่องมือช่วยในการค้นหาข้อมูลได้  เพื่อให้สามารถค้นหาข้อมูลได้รวดเร็วและตรงกับความต้องการมากที่สุด  โอเปอเรเตอร์ที่ใช้  คือ  AND, OR, AND, NOT และเครื่องหมาย +,-

AND “และ เช่น computer and design  ผลลัพธ์ที่ได้จะได้ข้อมูลที่ต้องมีทั้งคำว่า “computer” และ “design” อยู่ด้วยกันเท่านั้น  จึงจะดึงข้อมูลนั้นมาแสดง
OR “หรือ  การใช้คำว่า OR ถ้ามีคำใดคำหนึ่งเพียงคำเดียวก็จะดึงข้อมูลนั้นมาแสดงให้  เช่น  computer or design คือ  จะมีแต่คำว่า “computer”  หรือ มีแต่คำว่า “design”  หรือมีทั้งคำว่า “computer”  และ “design”  ก็จะดึงข้อมูลนั้นมาแสดง  การใช้คำว่า OR ช่วยในการค้นหาข้อมูลนั้น  ทำให้ข้อมูลที่ได้รับมีขอบเขตกว้างมาก
AND NOT หรือ NOT  เช่น  computer and not design หมายความว่า  ให้ค้นหา  ข้อมูลที่มีคำว่า computer  แต่ต้องไม่มีคำว่า design มาด้วยฉะนั้นผลลัพธ์ที่ได้เมื่อใช้ข้อความนี้ในการค้นหาข้อมูลเฉพาะที่มีแต่คำว่าคอมพิวเตอร์เท่านั้น  ถ้าข้อมูลใดมีคำว่า  “design” อยู่ด้วยจะไม่ดึงเอาข้อมูลนั้นมาแสดง
เครื่องหมาย +  หมายความว่า  คำใดที่ตามหลังเครื่องหมายนี้จะต้องมีคำนั้นอยู่ในเว็บเพจนั้น  เหมือนกับคำว่า AND
เครื่องหมาย   หมายความว่า  คำใดที่ตามหลังเครื่องหมายนี้จะต้องไม่มีคำนั้นอยู่ใน  เว็บเพจนั้น  เหมือนกับคำว่า NOT
เช่น  + computer – design  ข้อมูลที่จะแสดงออกมาจะต้องมีคำว่า computer  แต่ไม่มีคำว่า design


แบบฝึกหัดท้ายบทที่  7

1.ข้อใดคือโปรแกรมที่ดาวโหลด
      . เดโมแวร์
      .โปรแกรมดาวโหลดฟรี
      .โปรแกรมรุ่นเบต้า
      . ถูกทั้ง ก และ ข
2.ไฟล์นามสกุลใดเป็นไฟล์โปรแกรม
      . avi
      . mpg
      . jpg
      . Zip
3.ประเภทของโปรแกรมที่ดาวโหลดมีกี่ประเภท
      . 2ประเภท
      . 3ประเภท
      . 5ประเภท
      . 4ประเภท
4.ข้อใดคือคุณสมบัติของโปรแกรม Winzip
      . อัพโหลดไฟล์
      . แสดงผลแบบ Text File
      . ช่วยโหลดโปแกรมได้เร็ว
      . ถูกทุกข้อ
5. โปรแกรมประเภทใดที่เราสามารถใช้ได้เพียงบางส่วน
      . แชร์แวร์
      . โปรแกรมดาวโหลดฟรี
      . ถูกทั้ง ก และ ข
      . เดโมแวร์
6. แชร์แวร์ (Shareware) คือข้อใด
      . โปรแกรมรุ่นทดลองใช้
      . โปรแกรมดาวโหลด
      . ถูกทั้ง ก และ ข
      . ไม่มีข้อถูก
7. โปรแกรมรุ่นเบต้า(Bele Soltware) เรียกอีกชื่อว่าอะไร
      . โปรแกรมรุ่น อัลฟา
      .  โปรแกรมดาวโหลด
      . โปรแกรมดาวแชร์แวร์
      . ถูกทุกข้อ
8. Open มีหน้าที่ทำอะไร
      . เพื่อเปิดข้อมูล
      . เพื่อเปิดโปรแกรม
      . เพื่อปิดโปรแกรมการดาวโหลด
      . ไม่มีข้อถูก
9. การใช้งานของโปรแกรม (winzip) คือแบบใดบ้าง
      . แบบ Classie หรือ แบบ winzip
      . Next > finish
      . ถูกทั้ง ก และ ข
      . ไม่มีข้อถูก
10. ข้อใดคือตำแหน่งในการจัดเก็บโปรแกรม
      . Next
      . File
      . Next – Finish
      . ถูกทุกข้อ

เฉลย  1.   2.  3. 4. 5. 6. 7. 8. 9.   10.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น